บทบาทของมัสยิดในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
ผศ.ดร. อับดุลเลาะ หนุ่มสุข*
บทนำ
มัสยิดเป็นองค์กรที่สำคัญยิ่งในอิสลาม เป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์และพัฒนามุสลิมให้เป็นมุอ์มินที่สมบูรณ์ มัสยิดตั่งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของชุมชนมุสลิม และเป็นสัญลักษณ์ที่สามารถบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรือง และความเสื่อมถอยของชุมชนนั้นๆ ได้อย่างดี การให้ความสำคัญกับมัสยิดในฐานะองค์กรพัฒนาชุมชน นับเป็นประเด็นร่วมสมัย และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้จึงขอมีส่วนร่วมในการให้ความกระจ่างต่อประเด็นดังกล่าว เพียงหวังว่า ชุมชนมุสลิมในปัจจุบันจะได้หันมาให้ความสำคัญกับองค์กรมัสยิดไม่ใช่ในฐานะแค่เพียงเป็นสถานที่ละหมาดเท่านั้น แต่ในฐานะขององค์กรที่จะต้องมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆตามศาสนบัญญัติอีกด้วย
นิยามมัสยิดในอิสลาม
ก. นิยามตามหลักภาษา
คำว่ามัสยิด مَسْجِد เป็นภาษาอาหรับ มาจากคำว่า سُجُود ที่แปลว่าการก้มกราบ คำว่ามัสยิดเป็น اسْم مَكاَن ชื่อสถานที่ แปลว่าสถานที่ก้มกราบ หรือสถานที่สุญูด ตามหลักภาษาอาหรับ อนุญาตให้อ่านสระฟัตฮะฮฺที่อักษรญีมได้ คืออ่านว่า مَسْجَد มัสยัด แต่ไม่ค่อยได้ยินการอ่านในลักษณะดังกล่าว คำพหูพจน์ของคำนี้คือ مَساَجِد มะซายิด ( ดูพจนานุกรม مُخْتاَرُ الصِّحاَح )
ข.นิยามตามหลักศาสนา
มัสยิดตามหลักศาสนามี 2 ความหมาย
1) ความหมายทั่วไป คือสถานที่สำหรับก้มกราบอัลลอฮ์
มัสยิดในความหมายนี้ครอบคลุมทุกสถานที่ที่ศาสนาอนุญาตให้ทำการก้มกราบอัลลอฮ์ ดังปรากฏในฮาดีษที่ว่า
* อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรรมการอิสลามกรุงเทพมหานครฯ และอิหม่ามมัสยิดดารุ้ลอิบาดะฮ์ เขตคลองสามวา
" ... وَجُعِلَتْ لِي الأَرْضُ مَسْجِداً وَ طَهُوْراً، فَأَيُّماَ رَجُلٍ مِنْ أُمَّتِيْ أَدْرَكَتْهُ الصَّلاَةُ فَلْيُصَلِّ "
ความว่า: และ(อัลลอฮ์) ได้ให้แผ่นดินเป็นมัสยิดและเป็นที่สะอาดแก่ฉัน(มุฮัมมัด) ดังนั้นใครก็ตาม จากอุมมะฮฺของฉันทันละหมาด(ณ ที่ใด) ก็ให้เขาละหมาด(ณ ที่นั้น)
(รายงานโดยบุคคอรีย์ หมายเลข 438)
จากฮะดีษบทนี้ชี้ว่าทุกสถานที่สามารถเป็นมัสยิดได้ หมายถึงใช้สำหรับเป็นที่ละหมาดได้ ยกเว้นบางสถานที่ที่ระบุไว้ในบางฮะดีษ เช่นฮะดีษที่กล่าวว่า:
" الأَرْضُ كُلُّهاَ مَسْجِدٌ إلاّ الْمَقْبَرَة وَالْحَماَّم "
ความว่า: แผ่นดินทั้งหมดนั้นเป็นมัสยิด ยกเว้นสถานที่ฝังศพ (กุโบร) และห้องน้ำ
(รายงานโดยอะบูดาวูด หมายเลข 492 และอัตติรมีซีย์ หมายเลข317)
2 .) ความหมายเฉพาะ คือ สถานที่ที่จัดใว้สำหรับการละหมาด และกิจกรรมอื่นๆ
มัสยิดในความหมายนี้จำกัดเฉพาะสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการละหมาดและการประกอบศาสนกิจอื่นๆ ด้วย เรียกมัสยิดในความหมายนี้ว่าเป็นบ้านของอัลลอฮ์ก็ได้
ค. นิยามตามหลักกฎหมาย
มัสยิดตามที่ปรากฏในพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 มาตรา4 มีดังนี้: มัสยิด หมายความว่า สถานที่ซึ่งมุสลิมใช้ประกอบศาสนกิจโดยจะต้องมีการละหมาดวันศุกร์เป็นปกติ และเป็นสถานที่สอนศาสนาอิสลาม
มัสยิดตามความหมายนี้มีสาระสำคัญอยู่2 ประการ คือ
1.) เป็นสถานที่ที่มีการละหมาดวันศุกร์เป็นปกติ ซึ่งหมายความว่าเป็นมัสยิดที่อยู่ในชุมชน มีสัปปุรุษจำนวนมากพอสมควรสังกัด
2.) เป็นสถานที่สอนศาสนาอิสลาม ซึ่งหมายความว่าเป็นมัสยิดที่มีกิจกรรมการเรียนการสอนศาสนาอิสลามให้กับปวงสัปปุรุษ
มัสยิดในความหมายดังกล่าวคือมัสยิดในสังคมมุสลิมไทยที่ผู้เขียนหมายถึงในบทความนี้ เนื่องจากมีลักษณะเฉพาะหลายประการเช่น:
1.) เป็นองค์กรสาธารณะ
2 ) มีฐานะเป็นนิติบุคคล (มาตรา13)
3 ) มีคณะกรรมการประจำมัสยิด ได้รับการคัดเลือกจากปวงสัปปุรุษประจำมัสยิด (มาตรา30วรรค2)
4) มีอำนาจหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติอย่างชัดเจน 12 ข้อ (มาตรา35)
สำหรับมัสยิดในความหมายที่กว้างออกไปเช่น ศาลาละหมาด บาไลเซาะฮฺ หรือมุศ่อลลา หรือศูนย์ต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป อาจจะมีข้อจำกัดบางประการในแง่ของกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถแสดงบทบาทของมัสยิดไดอย่างเด่นชัด
มัสยิดในอัลกุรอาน
คำว่ามัสยิด مَسْجِد มีปรากฏในอัลกุรอานทั้งหมด 28 ครั้ง ปรากฏในรูปเอกพจน์ 22 ครั้ง และในรูปพหูพจน์ 6 ครั้ง ในจำนวนนี้มีคำว่า อัลมัสยิดอัลฮะรอม (الْمَسْجِد الْحَراَم) 15 ครั้ง และมีคำว่า อัลมัสยิดอัลอักซอ(المَسْجِد الأَقْصَى) 1 ครั้ง นอกนั้นเป็นการระบุถึงมัสยิดโดยทั่วไป ซึ่งบางครั้งหมายถึงมัสยิดหนึ่งเป็นการเฉพาะ เช่น มัสยิดกุบาอ์(مَسْجِد قُباَء)ในอายะฮิที่ 108 ของซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ (لَمَسْجِدُ أُسِّسَ عَلَى التَّقْوَى) และมัสยิดฎิรอร์(مَسْجِد ضِراَر)ของพวกมุนาฟิกีน ในอายะฮฺที่ 107 ของซูเราะฮฺเดียวกัน(وَالَّذِيْنَ اتَّخَذُوْا مَسْجِداً ضِراَراً)
สำหรับสาระสำคัญที่อัลกุรอานได้นำเสนอเกี่ยวกับมัสยิดนั้นพอสรุปได้เป็น 3 หัวข้อหลัก คือ:
1.) หลักการและเหตุผล
อัลกุรอานได้เสนอว่ามัสยิดนั้นจะต้องสถาปนาบนรากฐานของการตักวาเท่านั้น ดังที่อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า:
{لَّمَسْجِدٌ أُسِّسَ عَلَى التَّقْوَى مِنْ أَوَّلِ يَوْمٍ أَحَقُّ أَن تَقُومَ فِيهِ فِيهِ }
“ แน่นอนมัสยิดที่ถูกก่อสร้างขึ้นบนความยำเกรงตั้งแต่วันแรกนั้น สมควรอย่างยิ่งที่เจ้า (มุฮัมมัด) จะเข้าไปยืนละหมาดในนั้น” (อัตเตาบะฮฺ 108)
ดังนั้นการก่อสร้างมัสยิดบนรากฐานอื่นจากการตักวา จึงถือว่าผิดหลักการและเหตุผล
2.) วัตถุประสงค์
อัลกุรอานได้นำเสนอว่าจุดประสงค์ของมัสยิดนั้นคือการให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์ในการเคารพภักดี และปฏิเสธการตั้งภาคีใดๆต่อพระองค์ ดังที่อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า:
{ وَأَنَّ الْمَسَاجِدَ لِلَّهِ فَلَا تَدْعُوا مَعَ اللَّهِ أَحَدًا }
“และแท้จริงบรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮ์ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าวิงวอนขอผู้ใดเคียงคู่อัลลอฮ์” (อิลญิน 18)
คำว่า: เป็นของอัลลอฮ์ หมายถึง การให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์ (เตาฮีต) และคำว่า อย่าวิงวอน หมายถึง การปฏิเสธการตั้งภาคี (ชิรก์)
3.) การดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
อัลกุรอานได้นำเสนอว่าการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวนั้นจะต้องผ่านกระบวนการสร้างสรรค์และการพัฒนา عِماَرَة ทั้งด้านกายภาพ และจิตภาพ ซึ่งอัลกุรอานได้ระบุคุณสมบัติของผู้ทำหน้าที่ดังกล่าวไว้ในพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า:
} إِنَّمَا يَعْمُرُ مَسَاجِدَ اللّهِ مَنْ آمَنَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ وَأَقَامَ الصَّلاَةَ وَآتَى الزَّكَاةَ وَلَمْ يَخْشَ إِلاَّ اللّهَ فَعَسَى أُوْلَئِكَ أَن يَكُونُواْ مِنَ الْمُهْتَدِينَ {
“แท้จริงผู้ที่จะพัฒนาบรรดามัสยิดของอัลลอฮนั้นคือ:
1.) ผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันอาคิเราะฮฺ
2.) และได้ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด
3.) และได้ชำระซะกาต
4.) และเขาไม่ยำเกรงผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น
ดังนั้นจึงหวังได้ว่าชนเหล่านี้จะเป็นผู้อยู่ในหมู่ผู้รับคำแนะนำ (อัตเตาบะฮฺ 18)
มัสยิดในประวัติศาสตร์อิสลาม
หากย้อนไปดูมัสยิดในประวัติศาสตร์ของอิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยของท่านร่อซูลุลลอฮ์ และบรรดาเศาะฮาบะฮฺก็จะพบว่า มัสยิดในสมัยดังกล่าวไม่ได้มีบทบาทเฉพาะ เป็นเพียงสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจเท่านั้น แต่มัสยิดยังถูกใช้เป็นสถานที่ประชุมและปรึกษาหารือในกิจการต่างๆ สถานที่ตัดสินคดีความ สถานที่พักคนเดินทาง สถานพยาบาลผู้บาดเจ็บจากสงคราม สถานที่ประกอบพิธีสมรส สถานที่พบปะสังสรรค์ระหว่างญาติสนิทมิตรสหาย สถานที่บัญชาการรบ และสถานที่ศึกษา มัสยิดจึงเป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติศาสนกิจ ศูนย์กลางของการเรียนการสอน และศูนย์กลางของการบริหารและการปกครองในขณะเดียวกัน บทบาทของมัสยิดดังกล่าวได้มีอย่างต่อเนื่องในยุคสมัยของเคาะลีฟะฮฺทั้ง 4 และยุคสมัยต่อๆมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทในด้านการศึกษา มัสยิดหลายแห่งได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เช่น มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ในอิยิปต์ มหาวิทยาลัย อัซซัยตูนะฮฺ ในตูนิเซีย และมหาวิทยาลัยอัลเกาะรอวียีน ในโมร็อกโก เป็นต้น
บทบาทของมัสยิดในปัจจุบันต่อการพัฒนาชุมชน
เมื่อหันมาดูบทบาทของมัสยิดในปัจจุบัน พบว่ามีปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการที่สามารถทำให้มัสยิดเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนได้ เช่น ปัจจัยทางด้านกฎหมายที่กำหนดให้มัสยิดเป็นนิติบุคคล ปัจจัยทางด้านบุคลากรในชุมชน และคณะกรรมการมัสยิด ที่มีวุฒิการศึกษาสูงขึ้น ปัจจัยด้านข้อมูลข่าวสารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นต้น ในที่นี้ขอยกตัวอย่างบทบาทของมัสยิดที่สำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ดังนี้:
บทบาทในการส่งเสริมการศึกษา
มัสยิดต้องมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษาศาสนาทั้ง 2 ภาค คือภาคฟัรฏูอัยน์ และภาคฟัรฏูกิฟายะฮฺ ในส่วนของภาคฟัรฏูอัยน์นั้น ควรมุ่งเน้นการศึกษาภาษาอัลกุรอาน โดยเฉพาะในด้านการอ่านและการท่องจำ มัสยิดควรกำหนดมาตรฐานของเด็กมุสลิมในชุมชน เกี่ยวกับการอ่านและการท่องจำซูเราะฮฺต่างๆของอัลกุรอาน ว่าควรจะมีมาตรฐานแค่ไหน อย่างไร เช่นเดียวกับความรู้ศาสนาในภาคฟัรฏูอัยน์ ก็ควรจะกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำว่าควรจะต้องเรียนจบแค่ไหน อย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกในชุมชนมีเอกภาพทางด้านการศึกษาศาสนา ในส่วนของภาคฟัรฏูกิฟายะฮฺนั้น มัสยิดควรมีแผนในการส่งเสริมเยาว์ชนในชุมชนให้ได้เรียนศาสนาในระดับสูงขึ้น ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมทั้งให้โอกาสเยาว์ชนเหล่านั้น ในการแสดงความสามารถในรูปของการอ่านคุตบะฮฺ การเป็นอิหม่ามนำละหมาด และการบรรยายศาสนธรรม เป็นต้น
สำหรับการศึกษาภาคสามัญและวิชาชีพนั้น แม้ว่าคำนิยามมัสยิดใน พ.ร.บ. การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 จะไม่ได้ระบุไว้ แต่ก็ถือเป็นหน้าที่ของมัสยิดที่จะต้องเข้าไปดูแลส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนมีโอกาสศึกษาวิชาชีพ และวิชาสามัญเกินภาคบังคับ และควรเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามัสยิดให้มากขึ้น
นอกเหนือจากการส่งเสริมการศึกษาดังกล่าวซึ่งเป็นการศึกษาในระบบแล้ว มัสยิดจะต้องส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอีกด้วย ซึ่งการศึกษาทั้งสองระบบนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษาของชุมชนมุสลิมในปัจจุบัน เนื่องจากสัปปุรุษส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในวัยและสถานภาพที่จะศึกษาในระบบได้ ดังนั้นมัสยิดจึงต้องส่งเสริมให้มีการเรียนการสอน การอบรมในวาระต่างๆ ตามความเหมาะสม อาทิเช่น การอบรมศาสนาประจำเดือน การอบรมเยาว์ชนประจำปี (ค่ายอบรมเยาว์ชนภาคฤดูร้อน) การอบรมมุอัลลัฟ(มุสลิมใหม่) การอบรมกลุ่มมุสลิมะฮฺแม่บ้าน การอบรมกอรี และการอบรมวิชาชีพต่างๆ เป็นต้น
สื่อที่สำคัญอีกประการหนึ่งของมัสยิดที่จะต้องมีบทบาทในเรื่องนี้คือ สื่อคุตบะฮ์ โดยเฉพาะ คุตบะฮ์ที่จะต้องอ่านทุกวันศุกร์ เป็นหน้าที่ของมัสยิดที่ต้องพัฒนาและปรับปรุงคุตบะฮฺวันศุกร์ให้เป็นคุตบะฮ์ที่มีคุณภาพ และมีชีวิตชีวา สามารถเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สังคมในชุมชนให้เป็นสังคมที่ดีได้
สำหรับสถาบันหรือส่วนงานย่อยที่ชุมชนมัสยิดทุกชุมชนควรมี เพื่อภารกิจในการส่งเสริมการศึกษาของชุมชน ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด โรงเรียนสอนศาสนาภาคฟัรฏูอัยน์ ห้องสมุดประจำมัสยิด และลานกีฬา ส่วนทั้งหมดนี้น่าจะเป็นมาตรฐานที่น่าพอใจสำหรับชุมชนทุกชุมชนที่มีมัสยิดเป็นศูนย์กลาง
บทบาทในการพัฒนาท้องถิ่น
มัสยิดในปัจจุบันควรจะมีการประสานงานในเชิงรุกกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ อาทิเช่น องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อ.บ.ต.องค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ อ.บ.จ. สำนักงานเขตหรือสำนักงานอำเภอ สภาจังหวัด และกรมการศาสนากระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อขอรับการสนับสนุนในกิจการต่างๆ ด้านส่งเสริมการศึกษา และนันทนาการ เช่นโครงการค่ายอบรมเยาว์ชนภาคฤดูร้อน โครงการอบรมแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการลานกีฬา และเพื่อสนับสนุนในด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ในท้องถิ่น เช่น ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำ และโทรศัพท์สาธารณะ เป็นต้น มัสยิดควรจะต้องร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆของรัฐในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยเริ่มต้นที่มัสยิดเป็นตัวอย่าง ทำให้บริเวณมัสยิดมีสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่น สะอาด และเจริญหูเจริญตา เป็นบริเวณปลอดบุหรี่ ปลอดอบายมุขและสิ่งมึนเมา และปลอดจากสิ่งต้องห้ามทั้งปวงตามศาสนบัญญัติ
นอกเหนือจากการประสานงานและการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆแล้ว มัสยิดจะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมือง นักการปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการชุมชน และกรรมการการศึกษาในท้องถิ่น ทั้งนี้เพื่อมัสยิดจะได้รับความร่วมมือจากบุคคลดังกล่าวในภารกิจต่างๆ ของการพัฒนาชุมชนต่อไป
บทบาทในการป้องกันและแก้ไขปัญหาชุมชน
ปัญหาของชุมชนมัสยิดอาจแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.) ปัญหาอาชญากรรม
2.) ปัญหายาเสพติด และอบายมุขอื่นๆ
3.) ปัญหาความแตกแยก และการทะเลาะวิวาท
ปัญหาเหล่านี้มัสยิดจะจ้องทีบทบาทโดยตรงในการป้องกันและในการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว โดยใช้กระบวนการที่สำคัญดังนี้
1) การให้การศึกษาและอบรมสั่งสอน
มัสยิดจะต้องให้การศึกษาและอบรมสั่งสอนแก่ปวงสัปปุรุษอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยเน้นการใช้สื่อที่สามารถเข้าถึงบุคคลได้ง่าย สื่อที่สำคัญคือ
ก. คุตบะฮฺวันศุกร์
ควรเป็นคุตบะฮฺที่นำเสนอปัญหาของชุมชนมัสยิด และควรให้สัปปุรุษทุกคนได้ตระหนักถึงการรับผิดชอบร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาของชุมชน เนื่องจากการลงโทษของอัลลอฮ์ในโลกดุนยาแก่คนที่ไม่ดีนั้นจะครอบคลุมคนดีด้วย มัสยิดควรแบ่งเขตชุมชนและมอบหมายให้กรรมการแต่ละคนมีหน้าที่สอดส่องดูแลในเขตที่รับผิดชอบ
ข. เสียงตามสาย
มัสยิดควรมีเสียงตามสายเพื่ออะซานบอกเวลาละหมาด และเพื่อประชาสัมพันธ์กิจการต่างๆของมัสยิด นอกเหนือจากนั้นแล้ว มัสยิดควรใช้เสียงตามสายให้เกิดประโยชน์ในด้านการอบรมสั่งสอน การแนะนำและการตักเตือน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆในชุมชน การใช้เสียงตามสายควรคำนึงถึงความเหมาะสมในหลายๆด้าน เช่น ช่วงระยะเวลาของการใช้ และความหลากหลายของชุมชนที่มีผู้นับถือศาสนาแตกต่างกัน เป็นต้น
ค. การเยี่ยมเยียนเป็นรายบุคคล
การเยี่ยมเยียนสัปปุรุษที่มีปัญหาเป็นรายบุคคล หรือเรียกมาพูดคุยที่มัสยิด หรือที่บ้าน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะป้อมปรามและแก้ไขปัญหาของชุมชนได้ ดังนั้นอีหม่าม และคณะกรรมการมัสยิดจึงควรมีเวลาสำหรับภารกิจนี้
2) การทำสัตยาบันร่วมกัน(บัยอะฮ์)
มัสยิดควรให้มีสัตยาบันร่วมกันระหว่างสัปปุรุษในชุมชนทั้งโดยวาจา และลายลักษณ์อักษร เรียกในภาษาอาหรับว่าการทำบัยอะฮฺ (بَيْعَة) รูปแบบของบัยอะฮฺนี้ก็คือการร่างคำบัยอะฮฺเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้สัปปุรุษทุกคนในชุมชนได้ลงลายมือ และกล่าวเป็นวาจาพร้อมๆกัน โดยมีอีหม่ามเป็นผู้นำกล่าว สำหรับหัวข้อของบัยอะฮฺควรประกอบด้วย สามส่วนคือ 1. เรื่องที่จะต้องปฏิบัติ 2. เรื่องที่จะต้องออกห่างและต่อต้าน และ3. บทลงโทษสำหรับผู้ละเมิดบัยอะฮฺ ทั้ง 3 หัวข้อนี้จะต้องครอบคลุมส่วนเฉพาะบุคคล และส่วนรวม การทำบัยอะฮฺนี้มัสยิดจะต้องให้มีผลในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในแง่ของการลงโทษ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องปรามและแก้ไขปัญหาของชุมชน
สำหรับปัญหาความแตกแยกและการทะเลาะวิวาทนั้น มัสยิดควรใช้วิธีการไกล่เกี่ลย และประนีประนอม แต่หากเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับศาสนา มัสยิดควรจะต้องมีจุดยืนที่แน่นอน และไม่ควรสนับสนุนให้มีการถกเถียงกันในปัญหาคิลาฟียะฮฺ อันจะนำไปสู่ความแตกแยกและความร้าวฉานในชุมชนได้
3) การประสานงานกับหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เช่น สถานีตำรวจนครบาล สถานีตำรวจภูธร เพื่อให้มาสอดส่องดูแล และจับกุมผู้กระทำความผิด ไปลงโทษตามกฎหมาย ผู้เขียนเชื่อว่าหากได้มีการประสานงานอย่างดีระหว่างมัสยิดกับสถานีตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่ ปัญหาต่างๆของชุมชนมัสยิดที่เกี่ยวกับยาเสพติดและอาชญากรรมก็จะลดลงได้
บทบาทในด้านสวัสดิการชุมชน
มัสยิดในปัจจุบันควรจะมีบทบาทในด้านสวัสดิการชุมชน โดยการจัดตั้งกองทุนอย่างน้อย 2 กองทุน คือ
1.) กองทุนการกุศลเพื่อสงเคราะห์ผู้ยากไร้ 2) กองทุนซะกาตเพื่อสวัสดิการชุมชน
กองทุนการกุศลเพื่อสงเคราะห์ผู้ยากไร้นั้นเป็นกองทุนจากการบริจาคทั่วๆไป ของผู้มีจิตศรัทธา เพื่อนำไปช่วยเหลือ และสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในชุมชน เช่น ผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ ทั้งอุทกภัย อัคคีภัย และภัยอื่นๆ ผู้พิการและทุพลภาพ เด็กกำพร้าและแม่หม้ายที่ขาดผู้ดูแลและช่วยเหลือ หรือสงเคราะห์ในการจัดการศพที่ไร้ญาติและขาดแคลนทรัพย์เป็นต้น
สำหรับกองทุนซะกาตเพื่อสวัสดิการสังคมนั้น เป็นกองทุนที่ได้จากการจ่ายซะกาตของสัปปุรุษในชุมชนและที่อื่นๆ กองทุนทำหน้าที่เป็นตัวกลางหรือเป็นตัวแทนเพื่อนำซะกาตไปมอบให้แก่ผู้มีสิทธิรับซะกาตตามศาสนบัญญัติที่อยู่ในชุมชน
อย่างไรก็ตามหากมัสยิดสามารถระดมเงินซะกาตจากผู้มีฐานะในชุมชนหรือที่อื่นๆได้ มัสยิดก็จะสามารถหยิบยื่นสวัสดิการให้กับชุมชนได้ ตัวอย่างเช่น สวัสดิการการศึกษา ซึ่งเป็นสวัสดิการที่สำคัญในปัจจุบัน มัสยิดสามารถที่จะมอบเงินซะกาตให้กับลูกหลานของสัปปุรุษในชุมชนที่เรียนดีแต่ขลาดแคลนให้มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ ดังนั้นชุมชนก็จะมีนักเรียนทั้งภาคศาสนาและภาคสามัญได้เรียนต่อด้วยทุนซะกาตของมัสยิด บุคคลเหล่านี้เมื่อจบการศึกษาก็จะมีความรู้สึกผูกพันกับมัสยิด เขาจะรู้สึกว่ามัสยิดสร้างเขา เขาก็จะต้องสร้างมัสยิดเพื่อเป็นการตอบแทน ระบบนี้ก็จะทำให้มัสยิดมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนด้วยอนุมัติจากอัลลอฮ์
บทส่งท้าย
มัสยิดในยุคปัจจุบันคงจะมิใช่เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเป็นสถานที่เอนกประสงค์ที่กิจกรรมทุกอย่างมีเป้าหมายเพื่ออัลลอฮ์ เพื่อความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์
และเพื่อเชิดชูศาสนาของอัลลอฮ์ บทบาทของมัสยิดที่พึงประสงค์เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการมัสยิด ที่จะต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ และพระประสงค์อันยิ่งใหญ่แห่งเอกองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ขออัลลอฮ์ได้ทรงประธานทางนำและความสำเร็จแก่ผู้บริหารมัสยิดและแก่พี่น้องมุสลิมทุกคน อามีน
ประวัติบุคคล
ชื่อ นายอับดุลเลาะ ชื่อสกุล หนุ่มสุขเกิดวันที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 ตำแหน่งปัจจุบัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 8ประวัติการศึกษา พ.ศ. วุฒิปริญญา สาขาวิชา สถานที่ศึกษาs 2535 Ph.D (เกรียตินิยมอันดับหนึ่ง) Creed Islamic University of Madina Saudi Arabi s 2531 M.A. (เกรียตินิยม) Creed Islamic University Of Madina Saudi Arabia s 2527 B.A. (เกรียตินิยมอันดับหนึ่ง) Islamic Call and Theology Islamic University of Madina Saudi Arabia ประวัติรับราชการวัน/เดือน/ปี ตำแหน่ง ระดับ สังกัดพ.ศ. 2536 อาจารย์ 5 ภาควิชาอิสลามศึกษา วิทยาลัยอิสลามศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานีพ.ศ. 2538 อาจารย์ 6 ภาควิชาอิสลามศึกษา วิทยาลัยอิสลามศึกษาพ.ศ.5247-ปัจจุบัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 8 ภาควิชาภาษาไทยและภาษา ตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงหน้าที่รับผิดชอบปัจจุบัน -อาจารย์สอนภาษาอาหรับ ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง-อาจารย์พิเศษของบัณฑิตวิทยาลัย หลักสูตรระดับปริญญาโท สาขาวิชาอิสลามศึกษา วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี-อีหม่ามมัสยิดดารุ้ลอิบาดะฮ์เขตคลองสามวา สาขาวิชาที่เชี่ยวชาญ- อิสลามศึกษา(อุศูลุดดีน)- ศาสนาเปรียบเทียบ- ภาษาอาหรับผลงานทางวิชาการ วิจัย อับดุลเลาะ หนุ่มสุข และคณะ. 2543. ความคลาดเคลื่อนของนักวิชาการไทยเกี่ยวกับประวัติและคำสอนของศาสดามูฮัมมัด ศ็อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม. ตีพิมพ์ในหนังสืออนุสารณ์งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮศ. 1421 28-30 ตุลาคม 2543 ณ สวนอัมพร อับดุลเลาะ หนุ่มสุข และคณะ. 2547 : ตัครีจตัวบทหะดีษในหนังสือคุณค่า อะมาล ของ เซคคุล หะดีษ เมาลานา มูฮัมหมัด ซะกะรียา (60%)อับดุลเลาะ หนุ่มสุข : วัฒนธรรมการตั้งชื่อบุคคลเป็นภาษาอาหรับของมุสลิมไทย : กรณีศึกษาชุมชนมัสยิดดารุ้ลอิบาดะฮ์ เขตคลองสามวา (กำลังดำเนินการ) ตำรา1) Abdullah Numsuk : Method of Imam Shawkani to Study Religion (ภาษาอาหรับ) พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2536 พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2537 Darul kitab wal kulam Riyhad Saudi Arabia.2) Abdullah Numsuk : Buddism : Its History, Belief and Relationship with Sufism (ภาษาอาหรับ)พิมพ์ครั้งที่ 1/2542 Adhwa ussalaf Riyhad Saudi Arabia. ตำแหน่งหน้าที่ทางสังคมในปัจจุบัน- กรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร(รองประธาน) - คณะผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร - ประธานอนุกรรมการกองทุนซะกาต และการกุศลเพื่อสวัสดิการสังคม - กรรมการสภาประสานความร่วมมือระหว่างมัสยิด - อิหม่ามมัสยิดดารุ้ลอิบาดะฮฺ เขตคลองสามวา และเป็นผู้อบรมศาสนธรรมแก่สัปปุรุษของมัสยิดดังกล่าว - คณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินกิจการกองทุนซะกาตในคณะกรรมการขับเคลื่อนสังคม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ - อนุกรรมาธิการจัดทำสรุปผลการสัมมนาผู้รู้ทางศาสนาอิสลาม ในคณะกรรมการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - อนุกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารกิจการฮาลาลในคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภานิติบัญญัติแห่งชาติ งานบริการวิชาการอื่นๆในปัจจุบัน- เป็นกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทของมหาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยมหิดล- เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่สาขาปรัชญา- เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาคุณภาพบทความวิชาการของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี- เป็นกรรมการพิจารณาผลงานทางวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์- เป็นกรรมการพิจารณาผลงานการขอตำแหน่งชำนาญการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์- เป็นวิทยากรรายการโทรทัศน์มุสลิม- เป็นวิทยากรรายการวิทยุภาคมุสลิม - เป็นวิทยากรบรรยายศาสนธรรมให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน- เป็นผู้เขียนบทความเผยแพร่ในวาระสารต่างๆของมุสลิม- เป็นคณะทำงานการจัดทำต้นฉบับหนังสือ “King Phumibol : Strength of the land” เป็นภาษาอาหรับ โดยคณะอนุกรรมการจัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติฯ สำนักนายกรัฐมนตรี- เป็นผู้ตรวจทานความหมายอัล-กุรอานเป็นภาษาไทย โดยสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ - ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านมาตรฐานฮาลาลในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา - อนุกรรมาธิการติดตามและประเมินผลด้านการศึกษาและทรัพยากรณ์บุคคล ในคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตาม เร่งรัด ประเมิณผลการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา - กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการพิจารณาสนับสนุนโครงการย่อย แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิมไทยระยะที่ 2 ปี 2551 - ประธานกรรมการสอบไล่ภายนอกหลักสูตรศิลปะศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต - ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาอาหรับ เฉพาะคราวประชุมในคณะกรรมการปรับปรุงหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาอาหรับ ราชบัณฑิตยสถาน - ผู้พิจารณาตรวจสอบคุณภาพโครงการวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต ปัตตานี - กรรมการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย - ผู้ทรงคุณวุฒิในโครงการเขียนตำราด้านสุขภาวะเรื่อง “กระบวนทัศน์อิสลามด้านสุขภาวะ” แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิมไทย คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินคุณภาพบทความทางวิชาการวารสารอัล-นูร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา - กรรมการกำกับทิศทาง “แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิมไทยระยะที่ 2(พ.ศ.2549-2552)” - อนุกรรมการพิจารณาหลักสูตรศิลปะศาสตร์บัณฑิตสาขาวิชาอิสลามศึกษา วิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ประวัติการดำรงตำแหน่งผู้บริหาร- หัวหน้าแผนกวิชาอิสลามศึกษา โปรแกรมภาษาอาหรับ(2537-2542) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์- ผู้จัดการหลักสูตรบัณฑิตศึกษาสาขาอิสลามศึกษา(2543-2547)มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์- หัวหน้าสาขาวิชาภาษาอาหรับ ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (2547-ปัจจุบัน)ที่อยู่ปัจจุบัน10 ม.9 ซ.นวลจันทร์ ถ.นวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 1230 โทรศัพท์ บ้าน 02-9438586 มือถือ 08-13311611แฟ็กส์ 02-5080247
ผศ.ดร.อับดุลเลาะ หนุ่มสุข